วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มาทำความรู้จักกับ iPhone 6s ก่อนโหมโรงกันเถอะ!!

iPhone 6s ดีไซน์มาราวกับ iPhone 6 เลยเพียงแต่ทวีความหนาขึ้นมานิดนึง

แม้น จักมีข่าวซุบซิบออกมาว่า iPhone 6S (ไอโฟน 6S) จะมีออกแบบเสมอเหมือนกับ iPhone 6 ก็ตาม แต่ทว่าดูประดุจดังว่า ศักยมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย ครั้นเมื่อข่าวแต้มสีล่าสุด เปิดเผยว่า iPhone 6S จะหนาขึ้น จากเดิม 6.9 มิลลิเมตร เป็น 7.1 มิลลิเมตร ส่วนตัวการที่ทำให้ iPhone 6S หนาขึ้น เป็นเพราะเทคโนโลยี Force Touch นั่นเอง

นอกจาก iPhone 6S จะมีความสับเปลี่ยนในเรื่องของ ชิปเซ็ต พร้อมทั้งกล้องด้านหลังแล้ว แหล่งข่าวยังพูดอีกว่า เทคโนโลยี Force Touch ถือว่า เป็นการเปลียนแปลงที่ใหญ่ที่สุดบนรุ่นนี้ แต่ก็ส่งผลให้ตัวเครื่องหนาขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนดีไซน์อื่นๆ ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน



เพราะเทคโนโลยี Force Touch นั้น จะช่วยทำให้สามารถแบ่งแรงกดบนหน้าจอได้มากขึ้น ซึ่งถูกนำไปใช้บน Apple Watch แล้วนั่นเอง
ด้วยกำหนดการเปิดฉาก iPhone 6S คาดว่า เป็นวันที่ 6 กันยายนนี้

ที่มา : cultofmac.com

ใช้บอดี้อะลูมิเนียมเกรด 7000 แบบเดียวกับ Apple Watch Sport ยืนยันความแข็งแรง ไม่งอ



ล่าสุด ทาง Economic Daily News จากประเทศไต้หวัน ปูดว่า iPhone 6S พร้อมทั้ง iPhone 6S Plus จะเปลี่ยนสิ่งของที่ใช้ผลิตบอดี้ใหม่ เป็น อะลูมิเนียมอัลลอยด์เกรด 7000 ที่ใช้บน Apple Watch Sport ซึ่งมีความแข็งแรง กว่า อะลูมิเนียมทั่วๆ ไปถึง 60%



เพราะเหตุเดิมหลักๆ ที่ทำให้ แอปเปิล ต้องกลับตาลปัตรอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตบอดี้ใหม่ เป็นเหตุเพราะ iPhone 6 นั้น เจอกระแส #bendgate หรือว่าตัวเครื่องโค้งงอนั่นเอง ทำให้แอปเปิล หาวิธีที่จะแลกบอดี้ใหม่ อย่างไรก็ดี ทั้งๆ ที่ อะลูมิเนียมอัลลอยด์ จะมีความวิภูไม่เท่า Stainless Steel แต่ก็มีน้ำหนักเบา, สามารถขึ้นรูปได้หลายสี กับไม่มีผลพวงต่อตัวรับสัญญาณในตัวเครื่องอีกด้วย

ส่วนข้อมูลนี้ จะเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ต้องสืบหากันต่อไปนะคร้าบบบ

ที่มา : macrumors.com

และสุดท้ายนี้ในส่วนของแบตเตอรี่ทาง Apple เค้าจะให้มาที่ความจุ 1715 mAh นะครับก็คิดว่าน่าจะพอใช้ได้ให้เกือบถ้วนวันล่ะเนอะ อิอิ (โดยทั่วไปแล้วเท่าที่ผมใช้อยู่ตอนนี้จะเป็น Note 4 ซึ่งแบตก็ถือว่าอึดพอสมควรเลยนะ ถ้าเล่นบ้างนิดหน่อย เรื่อยๆ โซเชียลบ้าง อ่านนวนิยายบ้าง ก็พอดีสำหรับช่วงกลางวันทั้งวันอ่านะ แต่ถ้าเล่นเกมส์หนักๆ ก็ไม่มีเครื่องไหนหรอกที่จะอยู่รอดทั้งวัน มันขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานทั้งนั้นแหละครับ!!)

ปล. ปกติแล้วไอโฟนรุ่นใหม่จะออกรุ่นหลักมา จากนั้นรุ่นต่อไปจะตามด้วยรุ่นหลักแล้วเติม S เข้าไปต่อท้ายนะครับ เห็นมีคนเรียกผิดกันเยอะแยะเลย กลายเป็นว่าเรียกข้ามรุ่นไปยกตัวอย่างเช่นเมื่อปีที่แล้วทาง apple ออกไอโฟนใหม่มาโดยใช้ชื่อว่า iPhone 6 และ iPhone 6 plus ดังนั้นรุ่นที่จะออกในปีนี้ก็จะใช้ชื่อว่า iPhone 6s และ iPhone 6s plus นั่นเองจ้า ไม่ใช่ iPhone 7 นะฮะ ^^

ติดตาม ข่าวสารไอทีต่างๆ จากทางเราได้ที่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/>

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หลังจากที่วางตลาด Apple Watch ไปแล้วมาดูกันว่ามีกี่รุ่น กี่สี พร้อมด้วยต่างกันอย่างไร

วันนี้เป็นอีกวันที่สาวก Apple ต้องตื่นกันแต่เช้าไปเข้าคิวรอซื้อ Apple Watch ตามร้านที่วางจำหน่ายในไทย ส่วนใครที่ไม่ปรารถนาต่อคิวก็เก่งคลิกสั่งซื้อแบบชิว ๆ กันได้ที่ Apple Online Store พร้อมจัดส่ง 1 วันทำการ เรามาดูกันว่า Apple Watch นั้นมีกี่รุ่น แต่ละรุ่นมีสีอะไร และแตกต่างกันอย่างไร

Apple Watch มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Watch Sport, Watch และ Watch Edition เพราะแต่ละรุ่นจะมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ 38 มม. และ 42 มม.





Watch Sport
- ตัวเรือน 38 มม. ราคา 13,500 บาท พร้อมทั้ง 42 มม. ค่า 15,500 บาท
- ตัวเรือนจักเป็นอะลูมิเนียมสีเงิน กับ อะลูมิเนียมสีเทาสเปซเกรย์มากับสาย Sport Band
- หน้าจอ Retina พร้อม Force Touch กระจก Ion-X พร้อมกับฝาหลังแบบคอมโพสิต
- ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเงิน มาพร้อมกับสายสีขาว, สีฟ้า, สีเขียว กับสีชมพู เโจษจันกได้ตามความชอบ
- ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเทาสเปซเกรย์ มาพร้อมสายแบบ Sport Band สีดำ สีเดียว






Watch
- ตัวเรือน 38 มม. พร้อมด้วย 42 มม. มีทั้งเป็นสแตนเลสสตีล พร้อมด้วยสแตนเลสสตีลสีดำสเปซแบล็ค หน้าจอ Retina พร้อม Force Touch กระจกแซฟไฟร์ พร้อมกับฝาหลังแบบเซรามิก
- รุ่นนี้ราคาจะแตกต่างกันที่ขนาดกับสายข้อมือที่มากับตัวเรือน
- รุ่นถูกสุดคือ ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Sport Band มูลค่า 20,500 บาท
- รุ่นแพงสุดคือ ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สีดำสเปซแบล็ค ขนาด 42 มม. พร้อมสายสแตนเลสสตีลแบบ Link Bracelet สีดำสเปซแบล็ค ค่า 41,500 บาท






Watch Edition
- เป็นรุ่นที่แพงที่สุด ตัวเรือนเป็นทองคำ 18 กะรัต มีขนาด 38 มม. พร้อมทั้ง 42 มม. หน้าจอ Retina พร้อม Force Touch กระจกแซฟไฟร์ พร้อมทั้งฝาหลังแบบเซรามิก
- ตัวเรือนมี 2 สี คือ สีโรสโกลด์ พร้อมกับ สีเยลโลว์โกลด์
- รุ่นถูกสุดของโมเดลนี้คือ ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต สีโรสโกลด์ ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Sport Band มูลค่า 395,000 บาท
- รุ่นแพงสุดของโมเดลนี้คือ ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต สีเยลโลว์โกลด์ ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Modern Buckle สนนราคา 660,000 บาท




อุปกรณ์เสริม เก่งซื้อเพิ่มได้
- สายแบบ Sport Band ยาง Fluoroelastomer พร้อมตัวล็อคแบบเสียบหมุดแล้วสอดสาย ราคา 1,900 บาท
- สายแบบ Milanese Loop สแตนเลสสตีลแบบถักพร้อมตัวล็อคแม่เหล็กแบบปรับได้ สนนราคา 5,900 บาท
- สายแบบ Classic Buckle สายหนังดัตช์ที่สะบัดลวดลายพร้อมตัวล็อคแบบสแตนเลสสตีล สนนราคา 5,900 บาท
- สายแบบ Leather Loop สายบุหนัง Venezia พร้อมตัวล็อคแม่เหล็กแบบปรับได้ ค่า 5,900 บาท
- สายแบบ Modern Buckle หนัง Granada ที่เรียบสวยพร้อมตัวล็อคแม่เหล็กสองชิ้น ราคา 9,500 บาท
- สายแบบ Link Bracelet ผลิตจากโลหะผสมสแตนเลสสตีล 316L พร้อมตัวล็อคแบบปีกผีเสื้อที่เราออกแบบมาเพราะเฉพาะ มูลค่า 16,900 บาท
- USB Power Adapter ขนาด 5 วัตต์ สนนราคา 690 บาท (มีมาในกล่องอยู่แล้ว)
- สายชาร์จแบบแม่เหล็กเกี่ยวกับ Apple Watch (1ม.) มูลค่า 1,090 บาท
- สายชาร์จแบบแม่เหล็กเพื่อ Apple Watch (2ม.) ค่า 1,490 บาท (มีมาในกล่องอยู่แล้ว)
- Apple USB Power Adapter ขนาด 12 วัตต์ ค่า 690 บาท


ที่มา: http://thaizones-hitech.blogspot.com/